ดอยหลวงเชียงดาว – Sanctuary in the mist จ.เชียงใหม่
ดอยหลวงเชียงดาว เป็นสถานที่ๆ หลายคนที่ชอบถ่ายภาพแนว Hardcore หรือชอบท่องเที่ยว แนว Trekking ต้องใฝ่ฝันที่จะมาที่นี่สักครั้ง … เป็นสถานที่ๆ มีเสน่ห์ ในตัว เหมือน ภูสอยดาว, ภูกระดึง หรืออีกหลายที่ ซึ่ง ดอยหลวงเชียงดาว ไม่ใช่ที่ๆ สวยที่สุด แต่ ด้วยธรรมชาติ ที่แตกต่าง และหลากหลาย เป็นเสน่ห์ที่ทำให้มัน เป็น Destination หนึ่งในชีวิต ที่สักครั้ง จะต้องมา
ดอยหลวงเชียงดาว มุมมองจาก ดอยแม่ตะมาน สันป่าเกี๊ยะ
ดอยหลวงเชียงดาว อยู่ในที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีระดับความสูง 2,275 เมตร สูงเป็นอันดับ 3 รองจาก ดอยอินทนน และดอยผ้าห่มปก เป็นภูเขาหินปูน ทำให้มีภูมิประเทศสวยงามแปลกตา บนยอดดอยหลวงจะมองเห็นดอยสามพี่น้องและดอยพีรามิด
การเดินเท้าขึ้นสู่ยอดดอย … ก็ไม่แตกต่างจากคนอื่นเท่าใดนัก คือเริ่มต้นเดินขึ้นดอยหลวง ที่อ่าวสลุง ระยะทาง เดินเท้า 8 กิโลเมตร แล้ว เดินทางลงดอยหลวงที่ ปางวัว ระยะทาง 6 กิโลเมตร เพราะ ทางเดินลงด้านปางวัว จะออกแนวชัน (ผมว่าคล้ายๆ กับทางเดินของภูสอยดาว) ส่วนด้าน อ่าวสลุง ทางจะค่อยๆ ชัน แต่ไม่มาก แต่แลกกับระยะทางที่ไกลขึ้น
เส้นทางขับรถเข้า อ่าวสลุง เป็นเส้นทางเดียวกับ ไป ดอยแม่ตะมาน (ชาวบ้านเรียก สันป่าเกี๋ย) ขับไปจนถึงป้ายบอกทางแยก แยกซ้ายไป โรงเรียนบ้านสันป่าเกี๊ย จึงขับแยกไปทางขวา คือไป อ่าวสลุง ซึ่งสภาพถนน ไม่ดีเอามากๆ (รถเก๋งไม่แนะนำ) และ ฝุ่นแดง ตลอดทาง เกือบ 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้น ส่วนใหญ่คนที่เดินทางขับรถยนต์ไปด้วยตนเอง มักไปขึ้นด้าน ปางวัว แทน
การเดินทางครั้งนี้ ผมแบกสัมภาระขึ้นไปเองส่วนนึง คือ เป้ ใส่พวกเสื้อผ้า ถุงนอน เสื้อกันหนาว ลองชั่งน้ำหนักได้ประมาณ 6 kg กับ กระเป๋าอุปกรณ์กล้อง อีก 7 kg กว่า น้ำหนักรวม 13-14 kg ที่ต้องแบกขึ้นไปเอง … ส่วนเต๊นท์, อาหารและ น้ำดื่ม นั้น จะจ้างลูกหาบแบกขึ้นไป
… บนดอย ไม่มีแหล่งน้ำตามธรรมชาติ เพราะฉะนั้น 2 คืน บนนั้น จะไม่ได้อาบน้ำกัน จะมีแค่น้ำกิน ที่จ้างลูกหาบแบกขึ้นไป
ผมเคยไป ภูสอยดาว น่าจะ 6-7 ครั้งแล้ว แต่ทุกครั้ง จะจ้างลูกหาบแบกสัมภาระ (ยกเว้นกระเป๋าอุปกรณ์กล้อง) แต่ครั้งนี้ ต้องแบก สัมภาระขึ้นไปเอง ซึ่งบอกเลยว่า สาหัสมาก (ที่นี่ ค่าจ้างลูกหาบแบกสัมภาระ คิดกิโลละ 70 บาท นะครับ เพราะ ทางอุทยานจำกัด ลูกหาบแบกน้ำหนักไม่ให้เกิน 20-30 กิโล)
ผมเดินทางถึง อ่าวสลุง และเริ่มเดินขึ้น ประมาณ 11:00 ถึงจุดกางเต๊นท์ กิ่วลม ประมาณ 4 โมงเย็น หลังจากจัดการเรื่อง สัมภาระ และ เรื่องเต๊นท์แล้ว ต้องรีบเดินขึ้นยอดดอยกิ่วลม (ใช้เวลาราว 40-50 นาที เดินขึ้นเขา) เพื่อไปดูพระอาทิตย์ ตกดินให้ทัน … ตอนนั้น ขาเริ่ม เป็นตระคริว แล้ว แต่ก็ต้องกัดฟัน สู้กับมัน ประมาณ พัก 5 นาที ทุก 10 ก้าว ขึ้นเขา … มันคล้ายๆ กับ ชีวิตที่ว่า ถ้าคุณ อยากได้อะไร คุณต้องพยายาม กับมัน ..
“ถ้าอยากได้ภาพสวยๆ ต้องเดินไปหามัน… “
ชีวิต 2 วัน (กับอีก 2 คืน) บนดอยหลวงเชียงดาว บางคนก็ว่า น่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำ มีแค่ดูพระ อาทิตย์ ขึ้น พระอาทิตย์ตกดิน เท่านั้น แต่สำหรับพวก ชอบถ่ายภาพ ถือว่า มันคือ สวรรค ของการถ่ายภาพเลย คือ ถ่ายรูปตอนเช้า และเย็น ส่วนกลางวัน นอนเอาแรง
ธรรมชาติ ให้ผลลัพธ์ ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน ทุกๆ วัน แม้ จะเป็นสถานที่เดียวกันก็ตาม
ตื่นนอน ตอนตี 5 เพื่อ เดินขึ้นเขาอีกลูก (ราว 1 ชั่วโมง) ไปดูพระอาทิตย์ ขึ้น (เขาคนลูกกับ พระอาทิตย์ตกดิน) อากาศหนาวมาก แต่ภาพ แนวทิวเขาบวกกับหมอก ยามเช้า งดงามมาก
เมื่อเราได้อยู่ในดินแดนที่ศักดิสิทธิของชาวเหนือ ได้อยู่กับธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่… มันช่างมีความสุข กับการถ่ายรูป พร้อมไปกับ อินกับ บรรยากาศ
สายหมอก เอื่อยๆ พระอาทิตย์ดวงโตๆ ให้ความอบอุ่น เพื่อ คลายหนาวจาก ลมหนาวที่พัดมา ให้ใจสงบนิ่ง
ดอกไม้ บนดอยหลวงเชียงดาว เป็นดอกไม้ประจำถิ่น ถ้ามาหน้าฝน จะเจอดอกไม้หลากหายพันธุ์สวยงาม หรือแม้จะเป็นหน้าหนาวแล้ว ก็ยังพอให้ได้เจอบ้าง บางชนิด
ลูกหาบบอกว่า ถ้าเป็น เดือน ตุลาคมถึงพฤศจิกายน ดอกไม้จะสวยมาก
ช่วงกลางวัน ก็นอนเอาแรง เพื่อรอเวลาขึ้นดอยกิ่วลม (เขาลูกเดียวกับเขาลูกเมื่อวาน) ไปดูพระอาทิตย์ตกดิน
พอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าปุ๊บ… ความหนาว ก็มาเยือนทันที อากาศเริ่ม หนาวทันที หนาวมาก
ถ่ายดาวกันสักหน่อย ยังพอเห็น หางๆ ทางช้างเผือก ตอน ทุ่มๆ กว่า หลังจากนั้น ก็หายไป
วันเดินทางกลับ ใช้เส้นทางไปทางปางวัว ถือว่าเป็นการปิด Trip ที่ ประทับใจ และอบอุ่นใจมากๆ … ได้เจอ เพื่อนใหม่ ที่ชอบแนวเดียวกัน และธรรมชาติ ที่สวยงาม … ขอแนะนำเลย ถ้ายังมีแรง ร่างกายไหว ไป ควรจะไป ดอยหลวงเชียงดาว สักครั้งหนึ่งในชีวิต ครับ