เที่ยวกางเต๊นท์ หน้าฝน ภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์
เที่ยวกางเต๊นท์ หน้าฝน ภูทับเบิก-ภูหินร่องกล้า จ.เพชรบูรณ์ เคยคิด อยากไปกางเต๊นท์ หน้าฝน ภูทับเบิก เพื่อหวังว่าจะเก็บภาพสวยๆ ของ ทะเลหมอกสวย ที่ภูทับเบิกให้ได้
ผมกางเต๊นท์นอนที่ภูทับเบิก 3 คืน และ อช.ภูหินร่องกล้า 1 คืน กางเต๊นท์หน้าฝนที่ภูทับเบิก เนี่ย.. ต้องทำใจว่าต้อง เจอทั้งลม ทั้งฝน โดยเฉพาะ เวลากลางคืน ถ้าเต๊นท์ เอาไม่อยู่ลำบากแน่ๆ
วันแรกที่มาถึง เป็นคืนวันศุกร์ ทั้งลานกางเต๊นท์ของ วิสาหกิจชุมชน (ใกล้จุดชมวิวสูงสุด ภูทับเบิก) จึงไม่มีใครมากางเต๊นท์เลย มีเต๊นท์ผมคนเดียว กลางคืน ก็มืดสนิท เพราะ เขาจะเปิดไฟที่จุดกางเต๊นท์ เฉพาะคืนวันเสาร์ อาทิตย์
ผมขับออกจาก กรุงเทพ ตอนเที่ยง ถึง ภูทับเบิก ก็ เกือบ 6 โมง เย็น แล้ว รีบกาง เต๊นท์ ก่อนที่ฝนจะตก เลยไม่ได้เก็บภาพอะไร เท่าไหร่
คืนแรก ก็เจอเลย ทั้งลม ทั้งฝน กระชากเต๊นท์ โยกไป เอนมา ทั้งคืน จนถึงเช้า มีน้ำซึมเข้าเต๊นท์ บ้าง ต้องเตรียมผ้าซับน้ำไว้เลยในเต๊นท์
ตำแหน่งซิบของเต๊นท์ และตะเข็บซิบ เป็นจุดอ่อน ที่น้ำฝนจะซึมเข้าเต๊นท์ได้ … แต่เพราะง่วงมาก เลยทนๆ นอน ไปจนถึงเช้า พอถึงเช้า หิวมาก เลยเดินไปหาร้านอาหาร ก่อนเลย เพราะเป็นหน้าฝน นักท่องเที่ยวไม่เยอะ ร้านอาหารบนนั้น จึงมีเปิดแค่ร้านเดียว
มาถึง ภูทับเบิก ทั้งที นี่เลย ผัดกระหล่ำ ราดข้าว 555
มีวิวสวยๆ ดูด้วยระหว่าง สุดยอดมาก อาหารราคาหลักสิบ วิวหลักล้าน แม้จะเริ่มมี หลากสีหลังคาของรีสอร์ต เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ดก็ตาม
กินข้าว เสร็จ เดินหาวิว ถ่ายรูป เดินไปแบบ ไร้จุดหมาย มีสาวๆ (น่าจะเป็นนักท่องเที่ยว) มา มองหน้าแล้ว บอกว่า หาโอ่งแดง ใช่มั๊ย???
ผมก็ งง โอ่ง อะไรหว่า?? … เลยบอกเขาไปว่า เปล่าครับ แบบ double งง แต่ผมก็เดิน ตามสาวๆ คนนั้นไป 5555
… จึง บางอ้อ ว่า อ๋อ นี่เอง คือ โอ่งแดง ที่เขากำลังจาบอก .. เดาว่า มันน่าจะเป็นโอ่งที่มี คนถ่ายรูปแล้วไปโพส แชร์รูปไว้ในโซเชียลเนตกัน นี่เอง…
ในที่สุด ผมก็รู้จักโอ่งแดง 555
ผมเดินไป จุดชมวิว ที่หอนาฬิกา นักท่องเที่ยวหน้าฝน มาภูทับเบิก น้อยมาก แต่มีมาเรื่อยๆ ไม่ขาดระยะ ประปราย
ถ่ายรูป ซ้ำๆ เดิมๆ ไป เรื่อยๆ เช้า สาย บ่าย เย็น ธรรมชาติ ให้รูปมาไม่ซ้ำกันเลย
เฝ้ารอทะเลหมอก งามๆ ทุก วัน มานานแล้วนะ.. หมอกฟุ้งๆ พอได้แล้ว
พระอาทิตย์ ใกล้ๆ ทุกวัน ของวัน ไปอีกวัน … อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ทั้งลม ทั้งละอองฝน
จังหวะหาแสง สวยๆ ดี ช่วงหน้าฝนค่อนข้างหายาก หรือถ้ามีก็มีไม่นาน อยู่มา 2 คืน เจอแสงดีๆ แบบนี้ ได้แปล๊บนึงเอง หลังจาก ทั้งก็ เจอหมอก ทั้งฝน ทั้งลม
ร้าน ขายเสื้อ เท่าที่เฝ้าดู… (อยู่มาหลายวัน 555) ร้านนี้เปิดเฉพาะ วันเสาร์ อาทิตย์ ครับ ถ้าเป็นหน้าหนาว นักท่องเที่ยวเยอะ คงน่าจะเปิดทุกวัน
ถ้านับสถิติ คนที่เดินขึ้นลง จุดสูงสุด ภูทับเบิก ต่อวัน … ต้องมีชื่อผม… รูปนี้ เจอทั้งลม แถมหนาวมากกๆๆๆๆๆ
แสง สุดท้าย ของอีกวันที่ผ่านไป ครับ … ณ.ยอดภูทับเบิก
วันหยุดมีคนมากางเต๊นท์ เป็นเพื่อน ด้วย … สบายแล้ว เปิดไฟ สนาม ด้วย
กลางคืน ถ่ายดาว ติดทางช้างเผือก นิดหน่อย เพราะมีแสงรบกวนจากด้านล่างเยอะมาก
พอขึ้นเช้าวันที่ 3 คิดว่าพอแล้วครับ… ดูสภาพอากาศ ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย … เจอทั้งฝนและหมอก ฟุ้งๆ แบบนี้ …สงสัยมาผิดเวลา มาเร็วไป 1 เดือน
แก๊ง BB ก็มาเที่ยว ภูทับเบิก นับ ราคา รวม ค่า BB น่าจะหลาย อยู่ ทั้ง BMW และ Ducati , Kawasaki ก็มี (แต่ตรงนี้ห้ามนำรถ ขึ้นมาจอดมิใช่หรอ 55)
เมนูที่ผมฝากท้องไว้บนนั้น มีแค่ 2 อย่าง กินมันแทบทุกมื้อ … ราคา 50-70 บาท ถ้าไม่กระเพราหมูสับ ราดข้าว (เอาไข่ ก็บวกอีก 10 บาท) ก็ ไข่เจียวหมูสับราดข้าว ราคาอาหาร บนนั้น ผมว่า แอบแพงไปนิด… แพงกว่าบนภูกระดึงอีก (คือราคาใกล้เคียงกัน แต่ แตกต่างที่ปริมาณ และความยากลำบาก ในการขนวัตถุดิบ) ผัดกระหล่ำ ราดข้าว 50 บาท (ไม่ใส่ไข่ดาว) กระหล่ำ ก็ หาได้ ถูกแสน ถูกบนนั้น
วันนี้ เราจะย้ายไป นอนที่ อช. ภูหินร่องกล้า ครับ หลังจาก อาบน้ำ และเก็บสัมภาระ ก็ออกเดินทางไป อช. ภูหินร่องกล้า ราว 40 กิโล
ถนนระหว่าง อช. ภูหินร่องกล้า กับ ภูทับเบิก ดีมากเลย แถมมีหมอก ทำให้บรรยากาศ มันช่ำมาก
แวะนี่ก่อนเลย โรงเรียนการเมืองทหาร … ถ้าเป็นหน้าหนาว ใบเมเปิ้ล แดงง น่าจะสวยมากเลย ที่นี่ ต้องกลับมาอีกครั้งให้ได้
ปล. ที่นี่ ยุงเยอะมาก… ทายากันยุง ก่อนลงจากรถนะครับ และ มีทากด้วย เกือบ โดนแล้ว
อดีตบ้านพัก ของ วีระชน
ประวัติรถแทรคเตอร์คันนี้ ถูกยึดมาจาก ทางราชการที่กำลังทำทางในสมัยนั้น อะไหล่ รถ บางชิ้น นำไปสร้าง กังหันน้ำ
เดินย้อนกลับไปทางเดิม แล้วข้ามถนนไป เดินต่อไปอีกประมาณ 60 เมตร เพื่อไปดูกังหันน้ำ
กังหันน้ำ สำหรับใช้ ตำข้าว สมัย นั้น ที่ถอดอะไหล่จากรถแทรคเตอร์
หลังจากนั้น ก็ขับรถ มุ่งหน้าไป เที่ยว ลานหินปุ่ม ใน อช. ภูหินร่องกล้า ไม่ไกลจาก โรงเรียนการเมือง … วันธรรมดา แทบไม่มีนักท่องเที่ยว เลย
ระหว่างทางเดินไป ลานหินปุ่มครับ บรรยากาศ สวยงาม มีหมอก จางๆ ชวนฝัน
ช่วงหน้าฝน ดอกไม้ ที่ อช.ภูหินร่องกล้า สวยงามมาก
ดอกเปราะภูขาว เป็นดอกไม้ประจำถิ่น ที่อช. ภูหินร่องกล้า มีขึ้น ทั่วไปหมด ถ้ามาช่วงมันบาน เต็ม คงสวยกว่านี้
ถึงแล้ว ลานหินปุ่ม ปะลุ่มปุ่มๆ ปะลุ่มปุ่มๆ ปะลุ่มปุ่มๆ ปุ่มๆ ปุ่มๆ
ตอนนี้ 5 โมงกว่า แล้ว ทำให้ ส่วนจุดเที่ยวอื่นๆ เช่นผาชูธง มีเวลาไม่มาก ต้องรีบขับรถเข้า อุทยาน ภูหินร่องกล้า สำหรับ กางเต๊นท์ และ ไม่แน่ใจว่ามีร้านอาหาร หรือ ร้านปิดหรือยัง เลยต้องรีบทำเวลา ขับรถไป อช.
โชคดีมากครับ มีร้านอาหารใน อช. เปิด อยู่ 1 ร้าน ชื่อร้าน รังทอง เป็นร้านชื่อดัง ด้วย …
แต่วันนี้ เราจะกางเต๊นท์ ที่นี่ อช. ภูหินร่องกล้า ไม่มีสักกะคน เหมือน อช. ร้าง มีแต่หมาตัวนึง ขนลุกซู่ วังเวงมากเลย กลางคืนมืดมาก
ตอนแรก กางเต๊นท์ ฝั่ง ต้นสน แต่ วังเวงงงง มาก… เลยย้าย ฝั่งมาอีกฝากถนน มากาง ใกล้ๆ บ้านพัก ของอุทยาน (ที่ไม่มีคนเข้าพักเลยเช่นกัน) บรรยากาศ Silent Hill ชัดๆ
บรรยากาศ ตอน 6 โมงเช้า มุดหัวออกเต๊นท์ เพื่อ ต้มน้ำ ชงกาแฟ
หลังจากนั้น ลอง ส่องดอกไม้ ด้วยเลนส์ Macro มือหมุน ตัวเก่ง Nikkor Micro 55mm f3.5 ai + fill แสงด้วย Flash SB-600 จัดไป
ดอกไม้นี้ แปลกดีครับ มีขึ้นไปทั่ว
เวลาเกือบสายแล้ว รีบอาบน้ำ แต่งตัว เพื่อมุ่งหน้าไป อช.ไทรทอง แต่ก่อนออกจาก อช. ภูหินร่องกล้า ขอจัดเต็ม ไก่ทอด ชื่อดัง ของ อช. ภูหินร่องกล้สที่ร้าน รังทอง เมนูชื่อ… ไก่ทอดเสียมารยาท … เพราะ มันกรอบมาก ความกรอบ ของมันดัง รบกวน ถึงโต๊ะ ข้างๆ
ผมสั่งชุดเล็กมานะคับ ชุดใหญ่กินไม่หมด ชุดเล็ก มี 5 ชิ้นนะครับ ในรูป หายไปชิ้น เพราะกินไปแล้ว ชิ้นนึง เพิ่งนึกได้ว่า ลืมถ่ายรูป อร่อย ไก่ทอดสมชื่อครับ … ส้มตำก็อร่อย
แถมท้าย Trip นี้อีกนิดนึง … หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าไป อช.ไทรทองคับ ขับไปอีก 150 กิโล ถึง ที่ทำการ อช. ราว 5 โมง เย็น
ปล. ด้านหน้าของ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติ ไทรทอง (ก่อน ข้ามลำธาร เพื่อไปจุดกางเต๊นท์อีก 9 กิโล) เหมือนจะเป็นอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศ ดีมาก
หลังจากนั้น ขับข้ามผ่าน ลำธาร ถ้าช่วงฝนตกระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้น ต้องระมัดระวังดูระดับน้ำให้ดีก่อนข้าม
ขับต่อไปอีก 9 กิโล จึงถึงจุดกางเต๊นท์ด้านในของ อช. ไทรทอง เท่าที่ดูด้วยตาไม่เหลือนักท่องเที่ยวอยู่เลยสักคน… ลานจอดรถก็ว่างเปล่าและเปลี่ยว เลยคิดว่า จะขอเดินเท้า เข้าไปดูดอกกระเจียวข้างใน ว่าบานเยอะ หรือยัง? ค่อนตัดสินใจว่าจะกางเต๊นท์ นอนค้างที่นี่ แล้วเก็บรูป พรุ่งนี้ ดีหรือไม่? ถ้าดอกกระเจียวยังบานไม่เต็มทุ่ง ก็คิดว่าจะตีรถกลับกรุงเทพเลย แล้วไว้ เดือนหน้ามาใหม่
ทุ่งที่ อลังการที่สุด คือ ทุ่ง บัวสวรรค์ 2 (จะเดินผ่านทุ่งบัวสวรรค์ 3 ก่อน) ทุ่งดอกกระเจียว ที่ อช.ไทรทอง มีทั้งหมด 5 ทุ่ง (คือทุ่ง 3->2->1->5->4) ถ้าเดินให้ครบทุกทุ่งระยะทางเดินเท้าจะประมาณ 4.5 กิโล เดินเป็นวงกลม เพราะ มีเวลาน้อย ฉะนั้น ผมจะ focus ที่ทุ่ง 2 เพราะเป็นทุ่งที่จะอลังการที่สุด (ทุ่ง 4 จะเป็นดอกกระเจียวสีขาว) ส่วนทุ่งอื่น จะไม่ไป สำรวจเพื่อ save เวลา … ทุ่ง บัวสวรรค์ 2 เดินเท้าเข้าไปราว 1 กิโล เดินกลับอีก 1 กิโล แน่นอน ผมเป็นนักท่องเที่ยวคนเดียว ตอนนี้
เมื่อเดินทางดึง ทุ่ง 2 ปรากฎว่า ดอกยังบาน น้อย เดือนหน้า น่าจะแน่นกว่านี้ จึงตัดสินใจว่า มากางเต๊นท์ใหม่ อีกทีเดือนหน้าดีกว่า สำหรับ อช.ไทรทอง.
ปล. ณ.เวลาตอนนี้ 6 โมงเย็นแล้ว ทั้งทุ่ง รัศมี 1-3 กิโลเมตร ของทุ่งดอกกระเจียว เหลือผมเป็นนักท่องเที่ยวเพียงคนเดียว 555
สรุป Trip นี้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ค่าเข้า อุทยาน, อาหาร, ของกิน, ค่าเดินทาง) ราว 2800 บาท กับ 5 วัน 4 คืน หนักสุดคือค่าน้ำมันรถ 1800 บาท (ค่าที่พัก ถ้าไม่นับค่าบัตรเข้า อุทยาน เป็น 0 บาท เพราะกางเต๊นท์ ทุกคืน)
อุปกรณ์กล้องที่ใช้
Nikon D60 และ Nikon D800
Nikkor 24-120mm F4 Nano
Nikkor 50mm f1.8G
Tokina 17-35mm f4
Nikkor Micro 55mm f3.5 AI
SB-600Flash
ข้อแนะนำกางเต๊น ที่ภูทับเบิก
1. ให้เลือกจุดกางเต๊นท์ ของเอกชน ตามที่พัก, รีสอร์ท ดีกว่า ลานกางเต๊นท์ของวิสาหกิจชุมชน ..ยอมเดินไกลกว่า เพราะสภาพห้องน้ำดีกว่าเยอะมากกกกกกกก
2. ถ้าไปกางเต๊นท์ หน้าฝน อุปกรณ์และ เต๊นท์ ต้องกันฝนได้ดีมาก ระดับนึง ไม่งั้น ได้นอนเปียกแน่ๆ
3. ของกิน อาหารการกิน หากไปวันหยุดมีขายเยอะมาก และแพง 555… ถ้าให้ได้บรรยากาศ และไม่ลำบากในการจัดเตรียมและขน เอาไปเองดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ โดยเฉพาะ หมูกะทะ.
4. ทางขึ้นไปภูทับเบิก ค่อนข้างชัน แต่ถนนตอนนี้กว้างนะ ไม่อันตราย ค่อยๆ ขับไปเรื่อยๆ เว้นแต่ไม่มีทักษะการขับรถลงเขา (ขับรถลงเขา อันตรายกว่าขึ้นเขา) จะไปขึ้นทาง อช. ภูหินร่องกล้า จะชันน้อยกว่า ก็ได้ แต่ก็ขับอ้อมกว่าพอควร (ประมาณ 30 km บนเขา) และต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน แต่ถ้าคิดไปเที่ยว อช. ภูหินร่องกล้า อยู่แล้ว ก็ ok แนะนำ
5. หรืออีกวิธีคือ ขาขึ้นๆ ตามทางปกติ แต่ะขาลง ให้ไปทาง อช. ภูหินร่องกล้า ก็ได้ ถือว่าไปเที่ยว ด้วยเลย..